[:en]cover_firdge[:]

[:en]ข้อมูลการปฏิบัติในการใช้งานตู้เย็นที่ถูกต้อง[:]

[:en]

[vc_row][vc_column][vc_column_text text_larger=”no”]สำหรับการใช้ตู้เย็นนั้นเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการเปิดตู้เย็นบ่อยๆนั้นจะทำให้เกิดการสิ้นเปลืองขึ้น ทำให้ภายในตู้เย็นนั้นเกิดการทำความเย็นที่ไม่สม่ำเสมอขึ้นทำให้คอมเพรสเซอร์นั้นเกิดการทำงานขึ้นเพื่อผลิตความเย็นภายในตู้เย็นเมื่อภายในตู้เย็นนั้นเกิดการสูญเสียความเย็นขึ้นเนื่องจากอากาศเย็นจะไหลออก และมีอากาศจากด้านนอกซึ่งมีอุณภูมิสูงกว่าไหลเข้าไปสู่ภายในตู้เย็น การเปิด-ปิดตู้เย็นเท่าที่จำเป็นจึงเป็นสิ่งที่เราปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน หลายคนมักจะเผลอเปิดตู้เย็นลืมไว้ซึ่งนี้ทำให้กังวลเกี่ยวกับค่าไฟไม่ใช่น้อย ฉะนั้นแล้วในขณะที่ปิดตู้เย็นนั้นเราควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าตู้เย็นได้ปิดสนิทเเน่นแล้วจริงๆและข้อสำคัญเลยต้องหมั่นตรวจขอบยางตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอว่าขอบยางนั้นเริ่มอ่อนย้วยหรือไม่ ต้องหมั่นสังเกตว่ามีไอเย็นหลุดออกมาจากตู้เย็นหรือไม่ ถ้ามีแล้วละก็จะต้องทำการเปลี่ยนยางขอบตู้เย็นทันทีเพราะนี่คือสาเหตุที่ทำให้เปลืองค่าไฟอย่างเเท้จริง เราอาจต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มสูงขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจถ้าไม่สังเกตุให้ดีก็จะต้องจ่ายค่าไฟส่วนเกินยาวกันเลยทีเดียว วิธีง่ายๆสำหรับการตรวจสอบขอบยางตู้เย็นนั้นสามารถทำโดยการนำเอาเเผ่นกระดาษเล็กๆสอดไว้ตรงช่องประตูระหว่างยางประตูและขอบประตูให้กระดาษยื่นออกมาเล็กน้อย ลองปิดดูและสังเกตุว่าแผ่นกระดาษนั้นร่วงหล่นลงมาหรือเปล่า หรือสามารถดึงออกมาอย่างง่ายได้แสดงว่าประตูนั้นเริ่มหลวมและปิดไม่สนิท ขอบยางเริ่มมีการเสื่อมเกิดขึ้นส่งผลต่อการรักษาอุณภูมิของตู้เย็น หากเป็นแบบนี้แล้วก็ได้เวลาเปลี่ยนขอบยางประตูตู้เย็นแล้ว เรื่องทั่วๆไปเกี่ยวกับการรักษาระดับการทำงานของตู้เย็นนั้นยังรวมไปถึงการจัดเก็บอาหารในตู้เย็นอย่างเช่นว่าการนำอาหารร้อนใส่เข้าไปในตู้เย็นนั้นแน่นอนเลยว่าทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้นอย่างเเน่นอน ตำแหน่งการวางตู้เย็นในห้องก็เช่นกันที่รู้กันดีว่าควรวางให้ห่างจากผนังห้องอย่างน้อย 10 เซนติเมตรขึ้นไป

รู้ลึกเกี่ยวกับการใช้งานตู้เย็นให้ถูกต้อง
1.การตั้งค่าเพื่อควบคุมอุณหภูมิภายในตู้เย็นให้เหมาะสม อุณหภูมิที่ต้องการนั้นคือ 3-6 องศาเซลเซียส และในส่วนของช่องแช่แข็งควรให้มีอุณภูมิอยู่ที่ ติดลบ 15-18 องศาเซลเซียส หากอุณหภูมิผิดเปลี่ยน
ไปจากค่าที่ควรเป็นนี้ไปเพียงเล็กน้อย ก้จะทำให้สิ้นเปลืองไฟขึ้นได้ประมาณหนึ่งเลยทีเดียว
2.เมื่อมีเหตุขัดข้องเกิดขึ้นหากไฟฟ้าเกิดดับหรือเกิดไฟตกขึ้น ต้องรีบถอดปลั๊กตู้เย็นในทันทีจึงค่อยเสียบปลั๊กเข้าไปใหม่เพื่อให้ตู้เย็นทำงานได้ตามปกติเมื่อไฟฟ้ากลับมาใช้งานได้ตามปกติและควรเว้นระยะใน
การถอดและเสียบปลั๊กประมาณ 5 นาที เพื่อให้ระบบทำความเย็นของตู้เย็นทำงานอย่างสมดุล
3.การเก็บอาหารในตู้เย็นควรที่จะจัดการให้เกิดระเบียบเรียบร้อยด้วย การที่มีของและอาหารในตู้เย็นมากเกินไปและกระจุก กระจาย อยู่ในตู้เย็นนั้นทำให้ตู้เย็นต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อที่จะให้ความเย็นนั้นส่งไปยัง
ทั่วถึงในตู้เย็น เพราะฉะนั้นเราควรเก็บอาหารและของต่างให้เหมาะสมเป็นระเบียบเรียบร้อยในตู้เย็น
3.1การเก็บอาหารในช่องฟรีซหรือช่องแช่แข็ง เหมาะกับการเก็บอาหารไว้กินนานๆหรืออาหารพวกเนื้อสัตว์ หรืออาหารที่มีการเก็บรักษาความสดด้วยวิธีการแช่แข็งอยู่แล้ว อาหารพวกนี้ต้องการอุณภูมิเย็นจัดเพื่อคง
ความสดต่อไป อาหารอื่นๆอาจไม่จำเป็นต้องใช้ความเย็นระดับนี้ก็นำไปใส่ไว้ตรงส่วนอื่นจะได้ไม่เปลืองเนื้อที่ในส่วนนี้ การทำความเย็นในส่วนนี้จะได้ไม่ทำงานหนัก
3.2อาหารทั่วไปอย่างอาหารที่เราปรุงสุกแล้ว พวกเครื่องปรุง อาหารหมักดองต่างๆ อาหารพวกนี้ใช้อุณภูมิ 5-7 องศาเซลเซียสเพื่อรักษาคุณค่าทางอาหารได้
3.3สำหรับน้ำดื่ม เครื่องปรุงขวดเล็กๆ แนะนำให้วางไว้ตรงโซนของประตูตู้เย็นส่วนนี้อุณภูมิมักจะอยู่ที่ 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนนี้จะไม่แนะนำให้วาง ยา หรือ เครื่องสำอาง เพราะอุณภูมิตรงส่วนนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย
ทำให้ของพวกนี้เสียเร็วขึ้นกว่าปกติ
3.4ผักและผลไม้ก็มักจะวางไว้ชั้นล่างสำหรับแช่ผักผลไม้ อุณภูมิในส่วนนี้ก็จะอยู่ที่ประมาณ 7-10 องศาเซลเซียส ช่องนี้จะมีที่ปิดเพื่อรักษาความชื้นของตัวผัก ผลไม้ เพื่อคงคุณค่าทางโภชนาการ วิตามิน และเเร่ธาตุต่างๆ
ให้อยู่อย่างครบถ้วน
4.การละลายน้ำแข็งนั้นในความเป็นจริงแล้วเราควรละลายอย่างเป็นประจำ ไม่ควรปล่อยให้น้ำแข็งในช่องฟรีชนั้นเยอะจนเกินไปเเบบนั้นจะทำให้เปลืองไฟโดยเปล่าประโยชน์
5.บางครั้งเราอาจมีการเคลื่อนย้ายตู้เย็นภายในบ้านเกิดขึ้น เมื่อเกิดการเคลื่อนย้ายเกิดขึ้น จำไว้เลยว่าไม่ควรรีบเสียบปลั๊กใช้งานตู้เย็นทันทีในขณะนั้น เนื่องจากอาจทำให้น้ำยาคอมเพรสเซอร์รั่วไหลออกมาทำลาย
ระบบแผงควบคุมต่างๆจนทำให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ ควรเว้นระยะให้ห่างไปประมาณ 4-6 ชั่วโมง จึงค่อยเสียบปลั๊กไฟเพื่อเริ่มการทำงานของตู้เย็น
6.การแยกประเภทอาหารต่างๆจัดเก็บเข้าไปในชั้นวางต่างๆของตู้เย็นนั้นทำให้อาหารจัดเก็บอยู่ในอุณภูมิที่ถูกต้องเหมาะสม แน่นอนว่าบางครั้งคุณอาจซื้ออาหารมาตุนไว้เป็นจำนวนมาก บางครั้งคุณแทบไม่สามารถจัดเก็บ
ไว้ในตู้เย็นได้อย่างเพียงพอ หากคุณเอาแต่ยัดสิ่งของเข้าไปนตู้เย็นแบบนี้จะทำให้ตู้เย็นทำงานหนัก แบบนี้เราจะต้องทำการแยกจำพวกอาหารที่ไม่จำเป็นต้องแช่เย็นก็สามารถเก็บไว้ได้นาน อย่างน้ำผึ้งนั้นไม่จำเป็นเลยที่เราจะต้อง
นำไปจัดเก็บในตู้เย็นเพราะสามารถรักษาคุณค่าทางอาหารของมันไว้ยาวนานโดยไม่มีวันเน่าเสียเลย นอกจากอาการต่างที่ไม่จำเป็นต้องนำเข้าไปแช่ตู้เย็นก็สามารถรักษาคุณค่าของอาหารเอาไว้ได้ก็จะมีดังนี้
6.1มะเขือเทศ การเก็บมะเขือเทศในตู้เย็นนั้นช่วยยืดเวลาของการเน่าเสียออกไปได้จริง แต่ทว่าการนำไปแชตู้เย็นจะทำให้อาหารเสียรสชาติ
6.2มันฝรั่ง การแช่มันฝรั่งในตู้เย็นนั้นจะทำให้แป้งในมันฝรั่งนั้นเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ทำให้มันฝรั่งเสียรสชาติ
6.3หัวหอม การเก็บหัวหอมนั้นเก็บไว้ในที่ที่ไม่มีความชื้นก็เพียงพอแล้ว การเก็บหัวหอมเอาไว้ในตู้เย็น จะทำให้อาหารอื่นมีกลิ่นตามไปด้วย
6.4ขนมปัง การเก็บขนมปังไว้ในตู้เย็นจะทำให้ขนมปังนั้นมีความเเข็งจนเกินไป
6.5ซอสมะเขือเทศ ควรจัดเก็บไว้รวมกับเครื่องปรุงต่างๆจะดีกว่า ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องนำไปจัดเก็บในตู้เย็นเนื่องจาก ในซอสมะเขือเทศมันมีน้ำส้มสายชูและสารกันบูดเป็นส่วนประกอบอยู่แล้วทำให้ซอสมะเขือเทศ
นั้นอยู่ได้นานพอจนเรากินหมดก่อนจะเสีย
6.6ผักกาดดอง เช่นเดียวกับซอสมะเขือเทศเนื่องจากมีสารกันบูดและมีน้ำส้มสายชูอยู่ในปริมาณสูง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องนำไปแช่ตู้เย็น
6.7น้ำสลัดบางชนิด สำหรับน้ำสลัดที่ประกอบด้วยน้ำส้มสายชูเป็นหลักก็สามารถเก็บด้านนอกตู้เย็นได้ แต่หากเป็นน้ำสลัดที่ทำจากโยเกิร์ตนั้นก็ควรที่จะนำไปเก็บรักษาอายุการใช้งานในตู้เย็น
6.8อาหารจำพวกถั่วและธัญญาพืชทั้งหลายรวมถึงผลไม้แห้งด้วย เหล่านี้ไม่จำเป็นที่จะต้องนำไปเก็บไว้ในตู้เย็นเลย
7.การแช่ผัก ผลไม้ในตู้เย็นนั้นควรใส่ถุงซิปล๊อกหรือกล่อง หรือ ปิดถุงไว้เพื่อป้องกันความชื้นจากตัวผักและผลไม่ระเหยออกมา ในตู้เย็นนั้นเป็นที่ที่แห้งมีความชื้นน้อย ความชื้นเพียงเล็กน้อยในตู้เย็นทุกอย่างจะ
ระเหยออกมาเป็นน้ำแข็งหมด ทำให้ความชื้นในผักนั้นถูกดึงระเหยไปเป็นน้ำแข็งเช่นกัน ทำให้ผักและผลไม้ในตู้เย็นนั้นเกิดการเหี่ยวเฉาขึ้นเพื่อรักษาความชื้นให้คงสภาพในตัวของผัก ผลไม้นั้น เราจึงใส่บรรจุภัณฑ์
เสียให้เรียบร้อย
8.สำหรับการใช้ตู้เย็นร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆข้อควรรู้อย่างเเรกนั้นคือ ไม่ควรเสียบปลั๊กตู้เย็นร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น เนื่องจากตู้เย็นใช้พลังงานสูงในการทำงาน พลังงานไฟฟ้าจะถูกใช้จำนวนมาก หากเสียบปลั๊ก
ร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นและมีการใช้ไฟจำนวนมากก็จะทำให้เกิดการลุกไหม้ เนื่องจากเต้าเสียบนั้นมีการจัดการไฟที่จำกัดอยู่ 220 V 2500W 10A หากเราใช้ไฟเกินกว่านี้ก็จะทำให้เกิดปัญหาขึ้น
9.การดูแลตู้เย็นที่ควรทำในการใช้ตู้เย็นอีกวิธีหนึ่งนั้นคือการทำความสะอาดขดลวดคอนเดนเซอร์เป็นประจำ เพื่อให้ตู้เย็นได้ระบายความร้อนได้สะดวกขึ้น ขดลวดคอนเดนเซอร์นั้น คือแผงระบายความร้อนที่ด้านหลัง
ข้างล่างของตู้เย็น ที่เป็นตัวทำหน้าที่ระบายความร้อนจากการทำงานของตู้เย็น ถ้าหากว่าตัวขดลวดนี้มีความสกปรก ฝุ่นจับ จะทำให้การระบายความร้อนนั้นเกิดขึ้นได้ยากขึ้นส่งผลต่อการทำงานของคอมเพรสเซอร์
ที่จะต้องทำงานหนักขึ้น ทำให้เปลืองไฟมากขึ้นด้วย ฉะนั้นแล้วอย่าลืมทำความสะอาดขดลวดคอนเดนเซอร์ด้วยการใช้แปรงปัดฝุ่น หรือ เครื่องดูดฝุ่นสำหรับการทำความสะอาดให้หมดจด
10.ตู้เย็นนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้กับกลิ่นไม่พึงประสงค์เนื่องจากเราเก็บอาหารหลายชนิด อาหารบางอย่างนำอย่างหัวหอมหั่นแล้ว เหลือจำเป็นต้องเก็บรักษาต่อในตู้เย็นทีนี้กลิ่นของหัวหอมก็จะอบอวนอยู่ในตู้เย็นการดูแลตู้เย็นในเรื่องของกลิ่นนั้น สามารถทำได้หลายอย่าง
10.1ดั้งเดิมเลยผู้คนในประเทศไทยนั้นนิยมนำถ่านไม้มาเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อดูดซับกลิ่นอับต่างๆ ด้วยคุณสมบัติดูดกลิ่นและสามารถดับกลิ่นได้ดี ด้วยโครงสร้างของถ่านไม้จะมีรูพรุนเล็กๆ
ทำให้กลิ่นเหม็นอับต่างๆ เคลื่อนย้ายเข้าไปในรูพรุน ทำให้เกิดการดูดซับกลิ่นอับในตู้เย็นเกิดขึ้น
10.2การใช้กระดาษทิชชู่เพื่อดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในตู้เย็น คุณสมบัติของทิชชู่ทำมาจากเยื่อกระดาษที่ทำมาจากต้นไม้ โครงสร้างของกระดาษทิชชู่เองก็มีส่วนที่เป็นรูพรุนจึงทำให้เกิดการดูดซับกลิ่นได้ดี บางครั้ง
เราใช้กระดาษหนังสือพิมพ์เก่า หรือ สมุด หนังสือเก่าได้เช่นกัน แต่การดูดซับนั้นไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับโครงสร้างของกระดาษนั้นๆ
10.3เลมอนหรือมะนาว เปลือกของเลมอนหรือมะนาวนั้นมีคุณสมบัติในการกำจัดกลิ่น ด้วยกลิ่นน้ำมันหอมระเหยจากผิวเลมอนนั้นค่อนข้างแรง ช่วยไล่กลิ่นอับในตู้เย็นได้ หากว่าไม่มีเลมอนก็สามารถใช้มะนาวธรรมดาผ่าครึ่ง
วางหงายในตู้เย็นเเทนได้เช่นกัน
10.4ใบเตยตัดหรือขยำ คนไทยก็คงจะคุ้นชินกับกลิ่นของใบเตยเป็นอย่างดี ความหอมแบบไทยๆนั้นสามารถทำให้ตู้เย็นนั้นมีกลิ่นหอมน่าใช้ เพียงนำใบเตย 1 กำใหญ่มาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ขยำให้เกิดกลิ่นระเหย นำไปวางไว้ที่ชั้น
ของตู้เย็น กลิ่นของใบเตยก็จะสู้กับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ของตู้เย็นได้
10.5กากกาแฟ เมล็ดกาแฟนั้นมีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่นได้เป็นอย่างดี เพียงเรานำกากของกาแฟใส่วางไว้ในตู้เย็น ก็จะสามารถดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ ออกจากตู้เย็นได้และยังสามารถส่งกลิ่นหอมอ่อนๆของกาแฟออกมาได้

รู้หรือไม่
1.ข้อห้ามสำหรับการใช้ตู้เย็นที่คุณยังไม่รู้ และอาจเผลอทำผิดโดยไม่รู้ตัวคุณนั้นห้ามนำเครื่องดื่มที่มีก๊าซ ที่สามารถจะขยายตัวได้เมื่อเจอความเย็นจัด หากเราเเช่เครื่องดื่มเหล่านี้ไว้ในอุณหภูมิที่ต่ำเกินไป
อาจทำให้เกิดการระเบิดขึ้นได้ อันตรายเลยทีเดียว
2.หากตู้เย็นของคุณมีน้ำแข็งมาเกาะมากเป็นพิเศษ แน่นอนว่าอาจทำให้เกิดการกวนใจในการใช้งานขึ้น เราจะต้องกำจัดน้ำเเข็งตามระบบของตู้เย็นคือกดปุ่มละลายน้ำแข็ง ห้ามอย่างเด็ดขาดสำหรับการใช้ของเเข็ง
หรือของมีคมในการงัดหรือเเซะน้ำแข็ง วิธีการนี้จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ตู้เย็นขึ้น
3.ตู้เย็นที่มีคราบสกปรกอย่างหนาแน่นและเยอะหลายคนแล้วคงอยากราดน้ำล้างเลยเพราะมันสามารถขจัดคราบสกปรกได้ง่าย แต่นั้นมีความเสี่ยงต่อการทำให้เกิดกระเเสไฟฟ้าขัดข้องขึ้นอย่างแน่นอน อาจมีกระแสไฟฟ้า
รั่วไหลเมื่อโดนน้ำอาจนำไปสู่การเกิดไฟฟ้าช๊อตขึ้นได้ และอื่นๆที่ไม่ควรนำมาทำความสะอาดตู้เย็นอย่างน้ำยาทำความสะอาดครัวที่มีค่าเป็นด่าง สิ่งนี้จะทำให้เกิดการกัดกร่อนของพลาสติกและพื้นผิวของตู้เย็นนำไปสู่
การแตกร้าวของพื้นผิวพลาสติกของตู้เย็นได้ และสารอื่นๆอย่างเช่น น้ำมันเบนซิน ทินเนอร์ แอลกอฮอล์ กรด น้ำมันปิโตรเลียม เหล่านี้อาจทำให้เกิดการลุกติดไฟขึ้นได้
4.สำหรับอาหารที่มีการบรรจุด้วยภาชนะที่เป็นขวดเเก้วนั้น ไม่ควรอย่างยิ่งในการนำไปเก็บรักษาในช่องแข็ง ความเย็นจะทำให้สิ่งของที่เราบรรจุในขวดนั้นขยายตัว อาจทำให้ขวดแตกกระจายได้ อาจนำไปสู่อุบัติเหตุ
และทำให้ตู้เย็นเกิดความเสียหายขึ้นได้[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

[:]